รอกันมาครึ่งปี ตอนนี้ก็ได้เห็นตัวจริงอย่างเป็นทางการของ iPhone 6 กันไปแล้ว สำหรับใครที่เมื่อคืนรอดูไม่ไหว หรือดูแล้วฟังพิธีกรพ่นไฟเป็นภาษาอังกฤษไม่ทัน ไม่ต้องกังวลไป เราเอาข้อมูลทั้งหมดมาสรุปให้แล้วข้างล่างนี้ อยากรู้ว่า ไอโฟน 6 มันต่างจาก 5S ตรงไหนบ้าง เลื่อนลงไปอ่านได้เลยครับ!
1.จอใหญ่เว้ยเฮ้ย!
เราจะยังไม่พูดถึง iPhone 6 Plus ที่จอ 5.5 นิ้ว เอาเฉพาะ iPhone 6 ก่อน ไอโฟน 6 มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นมาจากไอโฟน 5S อีก 0.7 นิ้ว คือจากเดิม 4.0 นิ้วเพิ่มขึ้นมาเป้น 4.7 นิ้ว คนที่ชอบจอใหญ่ๆคงจะถูกใจกันไม่น้อยละ เพราะรุ่นเล็กสุดก็เริ่มมาที่ 4.7 นิ้วเลย และเรื่องจอใหญ่นี้เองที่มีคนเอาโฆษณาของ apple เมื่อปีก่อนที่บอกว่า “มือถือจอเล็กใช้ได้มือเดียวเป็นเรื่องคอมมอนเซ้นท์” มาแซวว่า “รู้สึกปีนี้คอมมอนเซ้นท์ของแอปเปิ้ลจะเปลี่ยนไปนะ”(ฮา)
2.บางแล้วบางอีก
คือทุกปีพี่แอปเปิ้ลต้องหาเรื่องทำให้สมาร์ทโฟนของแกบางลงกว่าเดิมให้ได้ ปีนี้ก็บางลงได้อีกจากจาก 5 S ที่ 7.6มิลลิเมตรที่ว่าบางมากแล้ว ปีนี้พี่แกจัดมาให้เลย 6.9 มิลลิเมตร บางลงกว่าเดิมอีก 0.7 มิลลิเมตร ใครที่อยากได้สมาร์ทโฟนบางๆตระกูล iOS รุ่นนี้คงบางสมใจท่านแล้ว
3.มาซักทีจอ Full HD
ตามธรรมเนียมของ Apple เวลาพัฒนาอะไรขึ้นมาจากรุ่นก่อนต้องมีชื่อเรียกให้มันเว่อร์ๆเข้าไว้ จอ Full HD ของไอโฟน 6 ได้ชื่อกิ๊บเก๋ว่า “Retina HD Display” โดยเจ้ารุ่น 4.7 นิ้วมาพร้อมกับความละเอียด 1334×750 พิกเซล (326ppi) และ iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว มาพร้อมความละเอียด 1920×1080 พิกเซล (401ppi) มากกว่าiPhone 5s 1 ล้านพิกเซล และ 2 ล้านพิกเซลตามลำดับ

4.Cpu รุ่นใหม่แรงขึ้นกว่าเดิม 25%!
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ในที่สุดไอโฟนตัวใหม่ก็ได้ใช้ Cpu Apple A8 64-bit ที่ให้พลังแรงขึ้น 25% ในขณะที่มีขนาดเล็กลง 13% และกินพลังงานน้อยลง 50% เมื่อเทียบกับชิป Apple A7 ของ iPhone 5S แถมชิปตัวใหม่นี้ยังมีพร้อมกับระบบ Motion Coprocessor ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลการออกกำลังกายของคุณด้วย

5.กล้องหลัง 8 ล้านเท่าของเก่า แต่ไม่เหมือนเดิม …ยังไง?
แม้ว่าความละเอียดของกล้องหลังยังอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิมแต่แอปเปิลได้เพิ่มระบบ “Focus Pixel” ที่ตัวเลนส์สามารถขยับเข้าหรือออกอัตโนมัติเพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุดเข้ามา ทำให้ภาพ 8 ล้านพิกเซลของ iPhone 6นั้นจะดูดีและคมชัดกว่า 5S อย่างแน่นอน
ส่วน noise reduction เป็นระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาช่วยปรับภาพอัตโนมัติเพื่อให้ภาพคมชัดมีจุดน้อยซ์น้อยลง ส่วน tone mapping จะทำให้ภาพมีสีสันตรงกับของจริงที่สุด ดังนั้นสรุปได้ว่า พิกเซลเท่าเดิมแต่ภาพจะดูสวยงามมากขึ้นครับ
อนึ่ง หากใครอยากได้กันสั่นต้องไปเล่น iPhone 6 Plus นะครับ 6 ธรรมดาไม่มีกันสั่นมาให้

6.ไฟแฟลชเป็นแบบ True Tone
ตอนแรกนึกว่าฟังผิดเพราะคุ้นเคยแต่กับไอติม Two Tone เจ้า True Tone นั้นเป็นไฟแฟลช LED ที่พูดง่ายๆว่าจะไม่ทำลายโทนสีของภาพครับ คือแทนที่จะฉายแสงขาวจ้าๆไปดื้อๆเลย มันจะปรับโทนสีให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุดถึงจะยิงแฟลชออกไป ช่วยให้ภาพที่ได้ไม่ขาวเว่อร์และมีสีสันใกล้เคียงของจริงมากที่สุด ซึ่งเจ้าระบบนี้พึ่งมีมาใน ไอโฟน 6 เป็นรุ่นแรกของแอปเปิ้ล
7.กล้องหน้าเพิ่มจาก 1.2 ล้านเท่าเดิมแต่ได้ความสามารถเพิ่ม
แม้ว่าค่าพิกเซลจะเท่าเดิมที่ 1.2 ล้านแต่ f 2.2 ที่ลดลงจาก f 2.4 ที่ได้มาในกล้องหน้าก็ทำให้ภาพคมชัดและสว่างมากขึ้น เทียบกับ 5S ก็สว่างขึ้นกว่า 81% มี Burst mode สำหรับการถ่ายต่อเนื่องและเพิ่มความสามารถตรวจจับใบหน้ามากขึ้นจาก 5S รวมทั้งถ่ายวีดีโอ HDR ผ่านกล้องหน้าได้ด้วย
*เครดิต* ขอบคุณ คุณ Cps Birt ที่ท้วงติงเรื่องจำนวนพิกเซลกล้องหน้ามากครับ

8.ถ่ายวีดีโอความละเอียด Full HD ที่ 30fps และ 60fps แต่ถ่าย Slow motion ได้ที่ 240 fps
ใครที่ใช้ iPhone 5S น่าจะเคยถ่ายวีดีโอ Slow-mo (ภาพช้า)ที่ 120 fps กันมาบ้าง ใน ไอโฟน 6 Slo-Mo เพิ่ม fame-rate เป็น 240fps เพิ่มจากเดิมเท่าตัว ทำให้ได้ภาพเคลื่อนไหวที่ช้าลง และมีความละเอียดมากขึ้น

9.แบตเตอรี่อึดขึ้ัน
แบตของ iPhone 6 ให้มา 1800 mAH เยอะกว่า 1570 mAH ของ 5S (อ้างอิงจาก Phone arena)เกือบ 20% แม้หน้าจอจะใหญ่ขึ้นแต่ชิป A8 ก็กินไฟน้อยกว่า หากเทียบสเปคง่ายๆ ไอโฟน 6 โทรคุยต่อเนื่องได้ 14 ชม ในขณะที่ 5S คุยต่อเนื่องได้ 10 ชม.อึดกว่ากันตามขนาดของแบตเลย
การใช้งานในด้านอื่นๆก็เช่น เล่นวีดีโอได้ 11 ชั่วโมง, เล่นเน็ตผ่าน WiFi ได้ 11 ชั่วโมง และเล่นผ่าน LTE ได้ 10 ชั่วโมง ดังนั้นหากตื่นมา 6 โมงเช้า ถอดเครื่องจากเบ้าชาร์จแล้ว เล่นเน็ทแบบต่อเนื่องไม่หยุดเลยแบตก็จะหมดราว 16.00น. แต่ในความเป้นจริงเราไม่ได้เล่นเน็ทบ้าเลือดกันขนาดนั้น ทำให้สบายใจได้ว่าแบตจะพอใช้งานใน 1 วันได้พอดี
10.แพงขึ้นและไม่มีรุ่น 32 GB อีกต่อไป
ราคาแบบติดสัญญาเราจะไม่เอามาพูดกัน เอาแบบราคาเครื่องเปล่าแว่วๆมาว่า ฮ่องกงขายรุ่น 16 GB ที่ราคา 23,000 บาท รุ่น 64 GB 26500 บาท (32 GB ไม่มีขายอีกแล้วหายไปเลย)และ 128 GB 30,000 บาท(ทั้งหมดนี้เป็นราคาประมาณ ไม่รวมค่าหิ้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามค่าเงิน)

ราคาเครื่องแบบติดสัญญาในอเมริกา จะเห็นได้ว่า iPhone 5C 8GB แบบติดสัญญาได้เครื่องฟรีกันไปเลย
*เพิ่มเติม*
11.มีNFC และ ปุ่ม Power ย้ายไปด้านข้าง
NFC ระบบสื่อสารผ่านการนำเครื่องมาแตะกันในที่สุดก็มาใน ไอโฟน เสียที งานนี้ดูว้าวมากสำหรับ อเมริกาที่มีบริการ Apple Pay ผุดเป็นดอกเห็ด แต่ในไทยที่ยังไม่มีพันธมิตรของแอปเปิ้ลมากมายนั้น ยังใช้งานได้ไม่จุใจเท่าคนอเมริกา อีกเรื่องคือปุ่ม power ถูกย้ายไปด้านข้างแทนที่จะเป็นด้านบนเหมือนก่อนใครที่ใช้ 5S มาอาจสับสนได้ในช่วงแรกๆ
(ขอบคุณ คุณ C Lean Neo ที่ช่วยเพิ่มเติมครับ)
Source :TheVergehttp://tech.mthai.com/mobile-tablet/41807.html